SEPTEMBER: Ladakh in full Swing (10 คืน 10 วัน)

ช่วงเวลาเดินทาง : คืน 7 - 16 กันยายน 2024 (๒๕๖๗)
ระยะเวลา : 9 คืน 9 วัน) (ปิดทริปเมื่อสมาชิกเต็ม หรือภายใน 30 มิถุนายน )
--------------------------------- 
ราคา: 
28,500 บาท / คน (ราคาทริป...ไม่รวมตั๋ว) 
ลูกทริปที่เคยไปกับเราแล้ว ลด 1,000 บาท

--------------------------------- 

จำนวนสมาชิก: 4 คนเดินทางได้เลย! รับไม่เกิน 8 คน

--------------------------------- 

ตั๋วเครื่องบิน: บิน Air India รวม 4 เที่ยวอยู่ที่ 2x,xxx (สะดวกซื้อเองได้ หรือ Inbox เพื่อให้เราซื้อตั๋วให้ก็ได้นะ) ราคาขึ้นลงแล้วแต่วันนะ หมั่นเช็ค ราคาพอใจแล้วจัดการสอยได้เลย!

วีซ่า: 
E-Tourist Visa สามารถจัดการเองได้ หรือจะให้เราจัดการเอกสารออนไลน์และยื่นให้ทั้งหมด

ราคาใช้จ่ายรวม: โดยประมาณ 5x,xxx - ตลอดทริป

รถที่ใช้:  4 คนใช้ TOYOTA INNOVA, 5 คนขึ้นไปใช้ TEMPO TRAVELLER 1 คัน

สภาพอากาศ: อากาศเย็นกำลังสบาย หน้าท่องเที่ยว (Hi Season) ของลาดักห์ ฟ้าใส หิมะมีที่ปลายยอดเขา ทะเลสาปเป็นสีเขียวมรกต

Day  0 / 07 SEP : Bangkok - New Delhi - Leh
ใช้บริการของ THAI AIRWAYS เที่ยวบินที่ TG ถึงสนามบินนิวเดลีในประเทศอินเดียราวๆ 00:10  ผ่านกระบวนการตรวจคนเข้าเมือง เพื่อเดินทางไปต่อเครื่องของสายการบิน xxx เวลา xxx ไปยังเมืองเลห์ .... (ผู้นำทริปเจอกันที่หน้าเกท) วันนี้ทรมานนิดหนึ่ง นอนเล่นพักผ่อนกันที่สนามบินไปพลางๆ ก่อนนะจ๊ะ
(Overnight in DELHI Airport)

Day 1 / 08 SEP : New Delhi – Leh (บินชั่วโมงครึ่ง)
ใช้บริการของ AIR INDIA  เที่ยวบินที่ 445 / เวลา 06:45 ไปยังเมืองเลห์ แคว้นลาดักห์ เนื่องจากเลห์ตั้งอยู่บน ความสูงเหนือระดับน้ำทะเลกว่า 3,400 ฟุต ร่างกายของคนจากที่ราบต่ำ อย่างเรา จึงต้องใช้เวลาในการปรับตัว ค่อยๆ เดิน แบบ Slow Life อีกอย่างเราต้องใช้เวลา หนึ่งวันในการทำใบอนุญาตหรือ Permit เพื่อเข้าที่เที่ยวในทะเลสาบปางกองและนูบร้า วัลเลย์ 

ช่วงเช้าพักผ่อนปรับสภาพร่างกาย นอนกันให้เต็มที่
(Overnight in Leh)

Day 2 / 09 SEP : Around Leh Sight Seeing 
วันนี้เที่ยวรอบๆ เลห์ เดินทางไปชมพระราชวัง พระราชวังเชย์ (Shey Palace) / ชมวัดติกเชย์ (Thikshey Monastery) วัดที่สวยที่สดในเลห์ / วัดเฮมิส (Hemis Monastary) วัดที่ใหญ่ที่สุดในเลห์

ช่วงบ่ายแก่ๆ เที่ยว Leh Palace, Namygal Tsemo Monastry และ ปิดท้ายชมพระอาทิตย์ตกที่ Shanti Stupa ที่ซึ่งมองลงมาจะเห็นตัวเมืองเลห์ท่ามกลางหุบเขา สวยบาดตามาก
ถ้ามีเวลากลับมาเดินเล่นในตัวเมืองเลห์
(Overnight in Leh)

Day 3 / 10 SEP : Leh – Alchi - Lamayuru (114 Kms)
ออกเดินทางไปยังวัดเมืองลามายูรุ (Lamayuru Monastary), ระหว่างทางแวะ Likir Monastary, Magnetic Hill, แวะ Moonland, วัดอาชิ ในเมืองอาชิ (Alchi Monastary) วัดที่มีภาพเขียนศาสนพุทธ เก่าแก่กว่าพันปีที่ เข้าที่พักในเมืองลามายูรุ
(Overnight in Lamayuru)

Day 4 / 11 SEP : Lamayuru - Leh (114 Kms)
เดินทางกลับ Leh / แวะ Basco Monastery / เดินเล่นในตัวเมืองเลห์
(Overnight in Leh)

Day 5 / 12 SEP : Leh - Nubra Valley / 120 Kms (5-6 ชั่วโมง) 
วันนี้ออกเดินทางแต่เช้า ข้ามผ่านถนน คาร์ดุงลา (KardungLa Pass) ถนนที่ขึ้นชื่อว่า สูงที่สุดในโลก ขึ้นๆ ลงผ่านยอดเขา ไหล่เขา ทิวเขา และ หุบเขาสู่ นูบร้า วัลเลย์ (Nubra Valley) หุบเขาที่มีทั้งหมู่บ้าน ทุ่งดอกไม้ และทะเลทราย แวะขี่อูฐ 2 หนอก ซึ่งมีเพียงที่นี่ เท่านั้น จากนั้นเข้าที่พักแบบเกสท์เฮ้าส์ ในหมู่บ้านฮุนดร้า
(Overnight in Hunder Village)

Day 6 / 13 SEP : Nubra Valley - Tur Tuk Village (82 Kms  / 2-3 ชั่วโมง)
แล้วเดินทางต่อไปยัง Tur Tuk Village หมู่บ้านริมชายแดนอินเดีย - ปากีฯ ที่เพิ่งเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าเมื่อปี 2009 นับว่ายังใหม่และสดมาก เก็บเกี่ยวบรรยากาศและถ่ายรูปวิถีชีวิตกันให้อิ่มใจ เสร็จแล้วกลับมายัง Nubra Valley 
(Overnight in Hunder Village)

Day 7 / 14 SEP : Nubra Valley - Pangong Lake (160 Kms / 5-6 ชั่วโมง) 
วันนี้ตื่นสายๆ เดินเล่นเก็บบรรยากาศ ทะเลทรายน้อยๆ ท่ามกลางเทือกเขาที่ปกคลุม ด้วยหิมะ เป็นภาพสวยงามที่หาดูได้ที่นี่เท่านั้น อิ่มใจแล้วกลับสู่ตัวเมือง เลห์ แวะชม วัดเดสกิต (Deskit) วัดที่ตั้งอยู่บนเนินเขา ที่นี่จะเห็นวิวของนูร้า วัลเล่ย์ได้ 180 องศา สวยงามมาก 

มุ่งหน้าสู่ ทะเลสาบแปงกอง (PangongLake) ทะเลสาบน้ำเค็มที่สูงที่สุดในโลก สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 4300 เมตรซึ่งอยู่คาบกลางระหว่างจีนและอินเดีย (ช่วงเมษาฯ ทะเลสาบยังเป็นน้ำแข็ง ถ้าเป็นช่วงมิถุนา – กันยายน จะเห็นทะเลสาบเป็นสีเขียวเทอร์คอยส์ได้อารมณ์กันไปคนละแบบ) ถ่ายรูปกันให้พอแล้วเข้าสู่ที่เต้นท์ที่พักใกล้ทะเลสาปกันเลยเชียว
(Overnight in Pangong Lake)

Day 8 / 15 SEP : Pangong Lake - Leh (140 Kms / 4-5 ชั่วโมง)
ออกเดินทางแต่เช้าอีกวัน ข้ามผ่านถนนจางลา (Chaga la Pass) ที่ความสูงกว่า 5000 เมตรจากระดับน้ำทะเล ถนนสายนี้มีหิมะปกคลุมตลอดทั้งปี กลับเข้าสู่เมืองเลห์ ระหว่างทางแวะที่ วัดเฮมิส (Hemis Monastary) วัดที่ใหญ่ที่สุดในเลห์ เข้าที่พักในเมืองเลห์
(Overnight in Leh)

Day 9 / 16 SEP : Leh - New Delhi - Bangkok
เช้าตรู่ เดินทางสู่สนามบินเมืองเลห์บิน เพื่อใช้บริการของสายการบิน AIR INDIA เที่ยวบินที่ AI 446 ตรงสู่กรุงนิวเดลี แล้วต่อสายการบิน Thai Airways เที่ยวบินที่ xxx บินกลับกรุงเทพฯ (มีเวลาช่วงต่อเครื่องสามารถออกมาเที่ยวเดลีได้ ถ้าต้องการ)

*ราคานี้ "รวม":

• ค่าโรงแรมหรือ เกสท์เฮ้าส์ ระดับ 3 ดาว ที่เลห์พร้อมอาหารเช้า
• ค่าที่พัก พร้อมอาหารเช้าและเย็น ที่ลามายูรุ (Lamayuru)
• ค่าเต้นท์ พร้อมอาหารเช้า และอาหารเย็นที่ริมทะเลสาปแปงกอง (Pangong Lake)
  
• ค่าที่พัก พร้อมอาหารเช้าและเย็น ที่ริมหมู่บ้าน TurTuk และ หมู่บ้าน Hunder
• ค่าเช่ารถพร้อมคนขับตลอดทริป
• ค่าน้ำมันค่าทางด่วน ค่าจอดรถ และค่าภาษีต่างๆ
• ค่า Permit เข้าที่เที่ยวที่ทะเลสาบปางกอง และนูบร้า วัลเลย์
• ค่าเข้าชมสถานที่ต่างๆ (ถ้ามี)

 **ราคานี้ "ไม่รวม":

• ค่าตั๋วเครื่องบินระหว่างประเทศ ค่าตั๋วเครื่องบินในประเทศ และค่าวีซ่า
• ค่าอาหารกลางวันและอาหารเย็น ใครกินใครจ่าย หารกันาตามส่วน รวมถึงผู้นำทางด้วยค่ะ
• ค่าทริปคนขับรถ ตามความพึงพอใจ
• ค่าใช้จ่ายส่วนตัวและเครื่องดื่มต่างๆ
  

  ---

  ** หมายเหตุ*
• เนื่องจากลาดักห์เป็นเขตที่สูง และ อากาศเบาบาง ใครที่สุขภาพไม่ค่อยแข็งแรงควรพิจารณาตัวเองก่อนจองทริปนะคะ!
• เนื่องจากลาดักห์เป็นเขตที่สูง การเดินทางลำบาก และบางทีมีดินถล่ม ทางปิด อากาศแปรปรวนบ่อยครั้ง โปรแกรมจึงอาจเปลี่ยนแปลงได้ความความเหมาะสมและต้องเอาความปลอดภัยของทุกคนเป็นที่ตั้ง!!

  ---