JAN 2026: มาดู ทมิฬนาฑู...Tamil Nadu (9 คืน 9 วัน)


วันที่เดินทาง: 16 - 25 มกราคม 2026
จำนวนวัน: 9 คืน 9 วัน
จำนวนคน:ออกเดินทางที่ 4 คน รับไม่เกิน 8 คน
ราคา: 35,000 บาท/ คน (ค่าทริป รวมพาหนะ ที่พัก อาหารเช้า ผู้นำทริปคนไทย.. ไม่รวมค่าตั๋วบินระหว่างประเทศและค่าวีซ่า)
- พักห้องละ 2 คน / พักเดี่ยวเพิ่ม 12,000 บาท
- ลูกทริปเก่า ลด 1,000 บาท
ตั๋วเครื่องบิน: Thai Airways ประมาณ 12xxx - 14,xxx บาท (สะดวกซื้อเองได้ หรือ Inbox เพื่อให้เราซื้อตั๋วให้ก็ได้นะ)
วีซ่า:เราจัดการเรื่องเอกสารให้ แต่ต้องไปยื่นเองตามกฏสถานฑูตอินเดียนะจ๊ะ
ราคาใช้จ่ายรวม:โดยประมาณ 42,xxx+ ตลอดทริป (ไม่นับช๊อปปิ้ง)
รถที่ใช้:4 คนใช้ TOYOTA INNOVA / 5 คนขึ้นไปใช้ TEMPO TRAVELLER
Day 0 / FRI 16 JAN 2026: Bangkok - Chennai (FLIGHT)
เดินทางจากกรุงเทพฯ โดยสารการบิน THAI AIRWAYS เที่ยวบินที่ TG337 เวลา 22:25 ถึงสนามบินนานาชาติในเมืองเชนไนเวลา 00:30 รถรอรับที่สนามบิน เข้าที่พัก อาบน้ำอาบท่า พักผ่อนตามอัธยาศัย
(Overnight in Chennai)
Day 1 / SAT 17 JAN 2026: Chennai – Kanchipuram (75 กิโลเมตร) - Mamallapuram - (67 กิโลเมตร)
ออกเดินทางต่อไปยังเมืองกาญจีปุรัม
เมืองกาญจีปุรัม (Kanchipuram) หรือ กาญจี (Kanchi) เป็นหนึ่งในนครศักดิ์สิทธิ์ของอินเดีย เคยเป็นเมืองหลวงเก่าแก่ของราชวงศ์ปัลลวะ (Pallavas) สำหรับนักท่องเที่ยวทั่วไปกาญจีเป็นเพียงเมืองผ่าน แต่สำหรับผู้ที่รักสถาปัตยกรรมแล้ว กาญจีถือว่าเป็นเมืองที่มีอะไรให้ดูเยอะ เยือนโบราณสถานสำคัญของที่นี่คือ เทวาลัยไกลาสนาถะ (Kailashnatha Temple) / เทวาลัยไวกูณฐเปรุมาล (Vaikuntha Perumal Temple)
เยี่ยมชม เทวาลัยเอกัมพเรษวร (Ekambareswarar Temple) วัดศักดิ์สิทธิ์ที่มีต้นมะม่วงอยู่กลางวัน เชื่อกันว่านางปราวตี ชายาพระศิวะ แกล้งปิดพระเนตรของสามี (พระศิวะ) ทำให้เกิดความมืดไปทั้งจักรวาลนานชัวกัปกัลป์ พระศิวะพิโรษจึงสาปให้นางลงมาอยู่ในโลกมนุษย์ นางจึงก่อศิวลึงค์ขึ้นใต้ต้นมะม่วง บำเพ็ญเพียรอยู่นาน จนพระศิวะเห็นใจลงมาสมรสกับนางใต้ต้นมะม่วงนั้นแล้วพานางกลับขึ้นสู่เขาไกรลาสเหมือนเดิม
เดินทางต่อไปเข้าที่พักใกล้ชายหาดยังเมืองมามัลละปุรัม (Mamallapuram) เยี่ยมชม กลุ่มเทวาลัยชายหาด (Shore Temples) ตั้งอยู่ริมชายหาดของอ่าวเบงกอล เดิมสันนิฐานว่ามีเทวาลัยของพระนารายณ์บรรทมสินธุ์อยู่ก่อน และมีการสร้างเทวาลัยพระศิวะเสริมเข้าไปเดินเช่นชายหาดและพักผ่อนตามอัธยาศัย
(Overnight in Mamallapuram)

Day 2 / SUN 18 JAN 2026 : Mamallapuram Sight seeing
มามัลละปุรัม (Mamallapuram) เป็นเมืองท่าเล็กๆ ริมทะเลแต่เป็นเมืองท่องเที่ยวสำคัญ กลุ่มโบราณสถานแห่งมามัลละปุรัมได้รับการยกย่องเป็นมรดกโลก ด้วยความสามารถของช่างสมัยโบราณที่สลักโขดหินแกรนิตให้กลายเป็นโบราณสถานได้อย่างน่าทึ่ง รูปแบบของสถาปัตยกรรมที่นี่ได้กลายมาเป็นต้นแบบของศาสนสถานในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ วันนี้ไปชม
- ภาพแกะสลักอรชุนบำเพ็ญตบะ (Arjuna’s Penance) ที่หน้าผาหินธรรมชาติขนาดใหญ่ / ก้อนเนยของพระกฤษณะ (Krishna’s Butterball) ก้อนหินธรรมชาติกลมใหญ่เหมือนลูกบอลขนาดยักษ์ ตั้งอยู่ริมเนินเขา เหมือนกำลังจะกลิ้งตกลงมาคล้ายพระธาตุอินทร์แขวนในพม่า / คเณศรถะ Ganesh Ratha เทวาลัยทรงคล้ายรถศึกที่แกะสลักได้สมบูรณ์แบบ / ถ้ำวราหะมณฑป Varaha Mandapa Cave ที่มีภาพแกะสลักเรื่องราวของเทพฮินดูถึง 4 ปาง
- ปัญจปาณฑพรถะ (Panch Pandava Ratha) หรือปราสาทหิน 5 พี่น้องตระกูลปาณฑพ
(Overnight in Mamallapuram)
Day 3 / MON 19 JAN 2026 : Mamallapuram - Trichy (300 กิโลเมตร / 5 -6 hours
ออกเดินทางไปยัง เมืองติรุชชิราปปัลลี (Tiruchirappalli) หรือ ตริชี่ (Trichy) ตั้งอยู่ใจกลางรัฐทมิฬนาฑู เป็นศูนย์กลางการคมนาคมเชื่อมโยงเมืองต่างๆ ในรัฐ
ชม ร็อคฟอร์ด (Rock Fort) สูง 83 เมตร เป็นหินบะซอลท์ที่เชื่อว่าเก่าแก่ที่สุดในโลก มีอายุ 3.8 ล้านปี อายุมากกว่าเทือกเขาหิมาลัย เดินขึ้นบันได 344 ขั้น เพื่อนมัสการเทวาลัย Uchipillaiyar Koil ด้านบนสุดของร็อคฟอร์ด ยังสามารถมองเห็นเมือง ตริชี่ ได้โดยรอบ
Overnight: Tiruchchirapali ( Trichy)
Day 4 / TUE 20 JAN 20 : Trichy – Madurai (140 กิโลเมตร / 3 hours)
เช้า ชม เทวาลัยศรีลังคนาถสวามี (Sri Ranganathaswamy Temple) มีศิลปะสมัยวิชัยนคร ที่งดงามมาก เป็นเทวาลัยพระวิษณุที่มีชื่อเสียงอันดับต้นๆ ของอินเดียและเป็นศาสนธานีขนาดใหญ่ที่สุดในอินเดียด้วย
บ่าย เดินทางต่อไปยังเมือง มธุไร (Madurai)
- ชม Thirumalai Nayakkar Palace พระราชวังเก่าแห่งเมืองมธุไร
(Overnight: Madurai)

Day 5 / WED 21 JAN 2026: Madurai - Rameshwaram (174 กิโลเมตร)
มธุไร (Madurai) เป็นเมืองใหญ่อันดับสองของทมิฬนาฑู มีประวัติความเป็นมาย้อนหลังไปได้กว่า 2,000 ปี ถือว่าเป็นศาสนธานีแห่งหนึ่ง มีเทวาลัยมีนักษีสุนทเรศวรอยู่กลางเมือง ล้อมรอบด้วยตัวเมืองรูปจตุรัสเป็นชั้นๆ ได้ขึ้นชื่อว่าเป็น “Athens of the East”
ชม เทวาลัยมีนักษีสุนทเรศวร (Meenakshi Sundrareswarar Temple) ที่สร้างอุทิศให้กับตำนานรักของพระนางมีนักษี ในเทวาลัยแห่งนี้จึงปรากฏ ฉากแต่งงาน ระหว่างพระนางมีนักษี และพระศิวะ โดยมีพระพรหมทำหน้าที่พราหมณ์ในพิธี และพระนารายณ์ทำหน้าที่พี่ชายเจ้าสาวให้เห็นทั่วไป
บ่าย ออกเดินทางไปยังเมือง ราเมศวารัม (Rameshwaram) เมืองศักดิ์สิทธิ์ของชาวฮินดู เมืองเล็กๆ ที่ตั้งอยู่บนเกาะ Pamban นี้มีเรื่องเล่า ในตำนานบอกว่าเมืองนี้เป็นเมืองที่พระรามทรงระดมพลสร้างสะพานข้ามมหาสมุทรไปยังกรุงลงกาเพื่อช่วยนางสีดา
- ระหว่างทางช่วงบ่ายแวะถ่ายรูปตรงสะพาน Pam Pam Bridge สะพานรางรถไฟที่เชื่อมต่อระหว่างแผ่นดินใหญ่ และเกาะ Pambam (เมืองราเมศวารัม)
- ช่วงเย็น ไปชมหาดร้าง Dhanushkodi หาดสุดท้ายของอินเดียที่ห่างจากศรีลังกาเพียง 17 ไมล์ (ประมาณ 35 กิโลเมตร) ตามตำนานเชื่อว่าสะพานพระรามเริ่มจากจุดนี้ (แต่ไม่สามารถมองเห็นได้ เพราะสะพานจมใต้ทะเลหมดแล้ว) แต่บรรยากาศของหาดที่เต็มไปด้วยซากปรักหักพักจากพายุไซโคลนก็ดูขลังเอาการทีเดียว
ช่วงค่ำเยี่ยมชมวัด Sri Ramanathaswamy Temple วัดศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวฮินดูเข้าไปรับการรดน้ำศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งมีที่เดียวในอินเดีย สนุกและแปลกตาดีนะ
(Overnight: Rameshwaram)
Day 6 / THU 22 JAN 2026 : Rameshwaram - Thanjavou - Kumbakonam (300 กิโลเมตร / 4-5 ชั่วโมง)
เดินทางต่อไปเมือง ตัญจาวูร์ (Thanjavou) ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเกาเวริซึ่งเป็นแม่น้ำใหญ่ และเป็นอู่ข้าวอู่น้ำของอินเดียใต้ ในอดีตเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรโจฬะ
- หอศิลป์ตัญชาวูร์ (Thanjavur Art Gallery) ที่เก็บรวบรวมประติมากรรมโบราณสมัยโจฬะชิ้นเยี่ยมมากมาย
ไปเยี่ยมชม เทวาลัยพฤหธิศวร (Brihadeeswara Temple) โดดเด่นที่สุดที่เทวาลัยประธานที่สูงถึง 67 เมตร สูงสุดในศิลปะอินเดียโบราณ จนมีชื่อเรียกว่า ทักษิณเมรุ หรือเขาพระสุเมรุแห่งภาคใต้ ยอดหลังคาทรงสูงที่เชื่อว่าแกะสลักจากหินแกรนิตก้อนเดียว หนักถึง 80 ตัน และ ศิวลึงค์ดำขนาดมหึมา สูงถึง 4 เมตรเป็นประธานในเทวาลัย
(Overnight: Kumbakonam)
Day 7 / FRI 23 JAN 2026 : Kumbakonam - Chidumbaram (91 กิโลเมตร) - Pondicherry (63 กิโลเมตร)
ออกเดินทางต่อไปยัง กุมภโกนัม (Kumbakonam) แวะเยี่ยมชม วัดไอราเวเตชาวรา ณ ทาราซูรัม (the Airavatesvara Temple at Darasuram) และ วัด ณ คังไคโกณฑะโจฬะปุรัม (the Temple at Gangaikondacholisvaram) สองในสามวัด “มหาเทวสถานแห่งโจฬะ” มรดกโลก ศิลปะตกทอดจากสมัยราชวงศ์โจฬะ
เดินทางต่อไปยังเมือง จิตัมพรัม (Chidambaram) จิตัมพรัมถือเป็นศาสนสถานขนาดใหญ่ มีเทวาลัยนาฎราชาเป็นศูนย์กลางเมือง ตัวเมืองก็อยู่ภายในวงล้อมของกำแพงเทวาลัย ที่เที่ยวที่ต้องชมคือ เสาสลักท่ารำติดกับผนังด้านในประตูทางเข้าของซุ้มประตู (โคปุรัม) ในเทวาลัยนาฎราชา (Sabhanayaka Ntaraja Temple) ว่ากันว่ามีภาพสลักท่าร่ายอันงดงามของพระศิวะ ครบทั้ง 108 กระบวนท่า
จากนั้นเดินทางต่อไปยังเมือง เมือง พอนดิเชอรี่ (Pondicherry)
Overnight in Pondicherry

Day 8 / SAT 24 JAN 2026: Pondicherry
ออกเดินทางไปยังเมือง พอนดิเชอรี่ (Pondicherry) หรือ พูดูเชอรี่ (Puducherry) เรียกสั้นๆ ว่า “พอนดี้” มีฉายาว่า “ฝรั่งเศสน้อย” เป็นที่รู้จักในฐานะเมืองตากอากาศ เมืองฮันนีมูน พอนดิเชอร์รี่ตกเป็นของฝรั่งเศสตั้งแต่ปี 1814-1954 ซึ่งเป็นช่วงที่อินเดียได้รับเอกราช แม้ฝรั่งเศสจะถอนตัวไปนานแล้ว แต่อิทธิพลฝรั่งเศสยังคงหลงเหลือจนปัจจุบัน เช่น ชื่อถนน อาคาร สวน โรงแรม เครื่องแบบตำรวจจราจร เป็นต้น
(Optional) เยี่ยมชม อาศรมศรี อรพินโท (Sri Aurobindo Ashram) อาศรมนี้เป็นสถานที่ผสมผสานระหว่างจิตวิญญาณ โยคะ และวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ที่ท่านศรีอรพินโทค้นคว้า จนกลายเป็นแนวทางโยคะที่เรียกว่า โยคะองค์รวม เป็นซึ่งเป็นที่นิยมในอินเดียและต่างประเทศ / ชม วัดพระหฤทัย (The Sacred Heart Church) ถูกสร้างขึ้นในปีค.ศ.1902 สถาปัตยกรรมแบบโกธิค
เยี่ยมชม Aurovill / เมืองออโร่วิลล์เกิดขึ้นจากความคิดของ Mirra Alfassa โดยเริ่มจากเป็นชุมชนเล็กๆ จนเมื่อปี พ.ศ. 2507 โยคีศรีอรพินทร์ ฤาษี ผู้ซึ่งเคยเป็นกวี ผู้นำขบวนการเคลื่อนไหวเพื่อปลดปล่อยอินเดียจากการยึดครองของอังกฤษ ได้เข้ามาร่วมกับ Mirra Alfassa และรู้สึกว่าชุมชนแห่งนี้พร้อมที่จะขยายตัวเพื่อเผยแพร่ความคิดเรื่องการอยู่ร่วมกันกับธรรมชาติในสภาวะปัจจุบันให้กับสังคมในวงกว้าง ซึ่งออโรวิลล์ มีความหมายว่า "เมืองแห่งรุ่งอรุณ" มีแนวทางเป็นของตนเองโดยเน้นความเป็นอยู่เรียบง่ายอยู่กับธรรมชาติ ปัจจุบันนี้ ออโรวิลล์ได้รับการรับรองจากรัฐบาลอินเดียและยูเนสโก และดำเนินงานโดยมูลนิธิออโรวิลล์ ภายใต้การดูแลของรัฐบาลอินเดียที่ให้การสนับสนุนทางการเงิน และยูเนสโกก็ประกาศว่า เป็นโครงการที่มีผลต่ออนาคตของมนุษยชาติ และให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่
Overnight in Pondicherry
Day 9 / SUN 25 JAN 2026 : Pondicherry - Chennai (150 กิโลเมตร / 2-3 hours) / DROP AIRPORT
เดินทางไปยัง เมืองเชนไน หรือ มัทดราส (Madras) เป็นเมืองหลวงของรัฐทมิฬนาฑู เป็นเมืองใหญ่อันดับ 4 ของอินเดีย หลังอาหารเช้า ไปชม พิพิธภัณฑสถานเชนไน (Chennai Government Museum) / หาดมารีน่า (Marina Beach) หาดในเมืองเชนไนความยาวประมาณ 13 กม. เก็บตกที่เชนไน
ช่วงค่ำ ใช้บริการของสายการบิน THAI AIRWAYS เที่ยวบินที่ 01:30 (เช้าวันที่ 26) กลับถึงกรุงเทพฯ เวลา 06:25
*ราคานี้ “รวม”
• ค่าโรงแรมระดับ 3-4 ดาว ไม่หรูหรา แต่สะอาด และบรรยากาศดี พร้อมอาหารเช้า
• ค่าเช่ารถพร้อมคนขับตลอดทริป
• ค่าตั๋วเครื่องบินภายใน
• ค่าน้ำมัน ค่าทางด่วน ค่าจอดรถ และค่าภาษีต่างๆ
• รวมค่าเข้าชมสถานที่ทุกแห่ง
*ราคานี้ “ไม่รวม”
• ค่าตั๋วเครื่องบินระหว่างประเทศและค่าวีซ่า
• ค่าอาหารกลางวันและอาหารเย็น
• ค่าเครื่องดื่มต่างๆ
• ค่าทริปเด็กเสิร์ฟ เด็กยกกระเป๋า และคนขับรถวันละประมาณ 100 รูปี/คน หรือตามความพึงพอใจ
การจองทริป
1. ส่งแบบฟอร์มยืนยันการเดินทางด้านล่าง
2. โอนมัดจำทริป 4,000 บาทเข้าบัญชีด้านล่าง
น.ส. เนตรทราย อินทรเจริญศักดิ์
ธนาคารไทยพาณิชย์ เลขที่ 372-217409-4
ธนาคารกสิกรไทย เลขที่ 568-2-05142-8
จำนวนเงินส่วนที่เหลือจ่าย 10 วันก่อนออกเดินทาง!
3. จองตั๋ว จัดการวีซ่า แล้วก็ลุย!
ภาพจากทริปที่ผ่านๆ มา...
มาดู ทมิฬ นาฑู January 2016: http://www.amperjaitravel.com/15612358/มาดู-ทมิฬ-นาดูtamil-nadu-january-2016
มาดู ทมิฬ นาฑู February 2017: http://www.amperjaitravel.com/16429432/madu-tamil-nadu-trip-feb-2017
มาดู ทมิฬ นาฑู January 2019 : https://www.amperjaitravel.com/17080401/มาดู-tamil-nadu-jan-2019